Monday, July 28, 2014

วิตามิน & อาหารเสริม จำเป็นแค่ไหน

วิตามิน & อาหารเสริม จำเป็นแค่ไหน

สังเกตเห็นว่าปัจจุบันผู้คนใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ยอดขายอาหารเสริมและวิตามินต่าง ๆ จึงเพิ่มขึ้น เพราะอิทธิพลของโฆษณาที่ทำให้ผู้บริโภคเชื่อว่า การรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมจะช่วยทำให้สุขภาพดี บางคนถึงกับเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นยารักษาโรคได้เลยทีเดียว แต่หลายคนเกิดความสงสัยใคร่รู้ว่า อาหารเสริมหรือวิตามิน รวมถึงแร่ธาตุต่าง ๆ นั้นมีความจำเป็นต่อร่างกายมากน้อยแค่ไหน วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจคร่าว ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้กันค่ะ
                อาหารที่เรารับประทานเข้าไปจะให้สารอาหารที่แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Macronutrients (คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน) กับ Micronutrients (วิตามิน และแร่ธาตุ) กลุ่มแรกเป็นสารอาหารจำเป็นที่ร่างกายต้องการในปริมาณมาก กลุ่มหลัง จำเป็นเช่นกัน แม้ร่างกายต้องการในปริมาณน้อยกว่า แต่ขาดไม่ได้เลยสักนิด เพราะถ้าขาดเมื่อใดจะส่งผลต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายไม่ต่างจากกลุ่มแรก
                วิตามินเป็นสารประกอบอินทรีย์ (ขณะที่แร่ธาตุเป็นสารประกอบอนินทรีย์) ที่เราได้จากอาหารหลากหลายชนิดที่รับประทานเข้าไป โดยเฉพาะอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป ส่วนวิตามินและแร่ธาตุในรูปเม็ดหรือแคปซูลที่จำหน่ายตามร้านเป็นวิตามินที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น

                ความต่างของวิตามินจากธรรมชาติและวิตามินสังเคราะห์ คือ หากมาจากธรรมชาติ ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า และหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปก่อให้เกิดพิษน้อยกว่าเมื่อเทียบกับวิตามินสังเคราะห์

                ผลการวิจัยจากหลายสถาบันชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าวิตามินที่ได้จากธรรมชาติหรือจากอาหารจะดีกว่าวิตามินสังเคราะห์ เพราะในอาหารไม่ได้มีองค์ประกอบแค่วิตามินอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆด้แก่น แร่ธาตุ และ Phytochemical ( สารเคมีจากพืชเป็นารที่ทำให้เกิดสี กลิ่น และรสของผัก ผลไม้ มีคุณสมบัติ คือ การเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ)

                ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะทำงานร่วมกันอันจะนำประโยชน์รอบด้านไปสู่ร่างกาย ในขณะที่วิตามินหรือแร่ธาตุสังเคราะห์ แม้จะอยู่ในรูปพร้อมใช้งานแต่องค์ประกอบสำคัญที่ขาดหายไป คือ Phytochemical ดังนั้น วิตามินสังเคราะห์จึงไม่อาจเทียบชั้นกับวิตามินที่ได้จากอาหาร (ยกเว้นวิตามินบี 9 หรือที่รู้จักในชื่อโฟเลต / กรดโฟลิก หากอยู่ในรูปสังเคราะห์ ร่างกายจะดูดซึมได้ดีกว่าบี 9 ในอาหาร)

                สำหรับคนที่แข็งแรง ร่างกายปกติ หากรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ทุกมื้อทุกวัน ก็จะได้รับวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม สำหรับบางกลุ่มคนที่อยู่ในภาวะ “พร่อง” โภชนาการหรือกลุ่มเสี่ยงขาดแคลน วิตามินสังเคราะห์ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก กลุ่มที่ว่าได้แก่ สตรีที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร สตรีที่รอบเดือนมามากผิดปกติ คนชราที่พิการหรือมีโรคประจำตัว คนที่มีปัญหาด้านสุขภาพบางอย่าง คนที่รับประทานมังสวิรัติแบบเคร่งครัด คนที่ลดความอ้วนผิดวิธี ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด ผุ้ใช้ยาเสพติดและผู้สูบบุหรี่จัด เป็นต้น

                คนจำนวนมากมักเข้าใจผิดคิดว่าวิตามินบางอย่างเมื่อรับประทานในปริมาณมากมันสามารถกลายเป็นยารักษาหรือป้องกันโรคบางอย่างได้ ยกตัวเย่างเช่นมีการโปรโมตว่าการรับประทานวิตามินซีช่วยรักษาอาหารหวัด หรือวิตามินอีมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ แต่ความจริงก็คือ ยังไม่มีงานวิจัยใดยืนยันว่าความเชื่อเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง อีกทั้งการรับประทานอาหารเสริมในปริมาณที่มากเกินไปยังจะก่อให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ด้วยซ้ำ

                การรับประทานวิตามินเสริมบางชนิดมากเกินความจำเป็นอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพได้ เช่น วิตามินที่ละลายในไขมันอย่าง เอ ดี อี และเคที่สามารถสะสมในร่างกายได้ และหากมากเกินไปก็ก่อให้เกิดพิษ วิตามินที่ละลายในน้ำ บางอย่าง เช่น บี 6 หากรับประทานมากไปก็เป็นพิษเช่นกัน
                แร่ธาตุเองก็ไม่ต่าง สังกะสี ธาตุเหล็ก โครเมียม และซีลีเนียม หากรับประทานมากเกินกว่าจากที่แนะนำก็ทำให้เกิดโทษยกตัวอย่าง สังกะสี หากมากเกินจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กและทองแดง ผลที่ตามมา คือ ระบบภูมิคุ้มกันรวน ทำให้การทำงานของหัวใจมีปัญหา และเกิดโรคเลือดจาก
                ขณะที่น้ำมันปลา แม้จะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ถ้ารับประทานเกินจำเป็นอาจทำให้การแข็งตัวของเลือด (Blood Clotting) ลดลง ส่วนการรับประทานแคลเซียมในปริมาณมากจะทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กลดลง หรือโอเวอร์โดสวิตามินเอไม่เพียงส่งผลต่อกระดูกและผิวหนัง ระบบประสาทส่วนกลาง และการทำงานของตับ แต่ยังร้ายแรงถึงขั้นทำให้แท้งหรือทารกที่เกิดมาพิการอีกด้วย
                ผู้เขียนไม่ได้ต่อต้านการใช้อาหารเสริมหรือวิตามินสังเคราะห์ แต่มองว่าจะดีกว่าไหมหากเราเรียนรู้ที่จะใช้มันอย่างชาญฉลาดโดยไม่ตกเป็นเหยื่อของโฆษณาวิตามินสังเคราะห์ไม่สามารถบริโภคแทนอาหารหลักได้ และหากจะใช้มันก็ควรเป็นระยะสั้นไม่ใช่ระยะยาว แต่ถ้าคิว่าอยากรับประทานจริง ๆ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ นักโภชนาการ นักกำหนดอาหารหรือผู้มีความรู้ไม่ใช่รับประทานสุ่มสี่สุ่มห้าหรือรับประทานตามแต่สัญชาติญาณจะพาไป เพราะแต่ละโดสมีความหมายมีความสำคัญน้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็เป็นพิษได้
                ทางเลือกของการมีสุขภาพดีไม่ได้อยู่ที่การซื้อวิตามินสังเคราะห์มารับประทานแต่ยังมีอีกมากมายหลายทางที่เราสามารถทำได้ เช่น การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การปรับพฤติกรรมการรับประทานใหม่ การลดช่องทางที่จะนำไปสู่การเกิดโรคและการเลือกทานอาหารที่มีคุณค่ามีประโยชน์
                ฮิปโปเครตีส บิดาแห่งวงการแพทย์กล่าวไว้ว่า “Let your food be your medicine and your medicine be your food” นับเป็นคำพูดที่ไม่เคยล้าสมัยเลย การใช้อาหารเป็นยา หากทำได้ เราก็ไม่ต้องเสียเงินแพง ๆ ซื้อวิตามินสังเคราะห์มารับประทานให้เปลืองงบโดยใช่เหตุ

No comments:

Post a Comment