อาหาเสริม วิตามินดีหรือแคบซิเฟอรอบ
(Calciferol) เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำมัน พบในเนย นม
ปลาที่มีไขมันสูง ไข่แดง ธัญพืช ร่างกายเราสามารถสร้างวิตามินดีได้โดยสัมผัสกับแสงแดดอ่อนๆ
ย่ามเช้า 15 นาที สัปดาห์ 2-4 ครั้ง แสงแดดช่วยเปลี่ยนสารประเภทคอเลสเตอรอล
ในร่างกายเราให้เป็นวิตามินดี และวิตามินดียังพบในปลาที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน
แมคเคอเรล ตับ น้ำมันตับปลสา นม เนย ทำให้ไม่ค่อยมีความจำเป็นมากนักที่จะไปรับประทานวิตามินดี
ชนิดเม็อดเสริม แต่อย่างไรก็ตามยังพบคนที่ขาดวิตามินดีได้ คือคนที่ไม่โดนแดด
คนที่ทาครีมกันแดด ทารก คนชรา และคนอ้วน
ไข่แดง 1 ฟอง มีปริมาณวิตามินดี 0.6 ไมโครกรัม
น้ำนมโคครึ่งถ้วย
มีปริมาณวิตามินดี 1.2-1.3
ไมโครกรัม
น้ำนมถั่วเหลืองครึ่งถ้วย
มีปริมาณวิตามินดี
0.5-1.5 ไมโครกรัม
ร่างกายต้องการวิตามินดีวันละ
400-800 IU หรือ 10-20 ไมโครกรัม โดยอายุต่ำกว่า 50 ปีต้องการ
200 IU ซึ่งได้จากอาหารเพียงพอ อายุ 51-70 ปี ต้องการ 400 IU ซึ่งได้จากอาหารไม่เพียงพอควรได้รับอาหารเสริม หากอายุ 70 ปีขึ้นไปต้องการ 600 IU ซึ่ได้จากการกินอาหารเสริมเพิ่มเติม
วิตามินดีช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสซึ่งเป็นส่วนช่วยในการสร้างกระดูกและฟัน
เก็บสำรองแร่ธาตุไว้ในกระดูกและฟัน ควบคุมแคลเซียมในเลือด
ลดการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย ช่วยในการแข็งตัวของเลือด ควบคุมความดัน
ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ และช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
วิตามินดีมี 2 ชนิด ซึ่งร่างกายสามารถใช้ได้ทั้ง 2 ชนิดเหมือนกัน
1 วิตามินดี 2 (Ergocalciferol) สร้างจากสารเออร์โกสเตอรอล (Ergosterol) ที่ผลิตโดยยีสต์ เห็ด สาหร่าย
ซึ่งมนุษย์และสัตว์ไม่มีสารเออร์โกสเตอรอล
2 วิตามินดี 3 (Cholecalciferol) สร้างจากสารพวกคอเลสเตอรอลชื่อ 7-dehydrocholesterol ซึ่งอยู่ใต้ผิวหนังเมื่อสัมผัสกับแสงแดด 7-dehydrocholesterol ยังสามารถเปลี่ยนวิตามินดี 2 ได้อีกด้วย หรือถ้าต้องการให้น้ำนมโคที่ซื้อมามีวิตามินดี
ก็เพียงนำน้ำนมโคใส่แก้งแล้วไปตากแดดก็จะเพิ่มวิตามินดีในน้ำนมได้
การขาดวิตามินดีทำให้กระดูกอ่อน
ขาโก่ง แขนโก่ง ฟันผุ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เมื่อเกิดอุบัติเหตุกระดูกหักง่าย
จากการสำรวจคนไข้ชาวนอร์เวย์ 246 คนที่กระดูกเชิงกรานหักพบว่าได้รับวิตามินดีต่ำกว่า
100 ต่อวัน ในขณะที่ได้รับวิตามินดี 800 IU ต่อวันมีการเพิ่มของมวลกระดูก
ผู้ที่สูงอายุมากกว่า
50 ปี ต้องการวิตามินดีมากขึ้น พบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินดี
482-77 IU ลดอัตราการเกิดกระดูกหักได้
20%
รายงานการสำรวจประชากร
5000 คน จากสถาบันสุขภาพและสำรวจสารอาหารแห่งชาติ (NHANES) พบว่ากลุ่มที่มีวิตามินในเลือดต่ำกว่า 17.8 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร
มีอัตราการเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสูงกว่า 80%
จากการสำรวจประชากรกลุ่มใหญ่
120000
คนเป็นระยะเวลานานพบว่าการรับประทานอาหารเสริมวิตามินดี ตามค่ากำหนดมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา
(The U.S. RDA) ที่ 400 IU ต่อวัน ลดการเกิดมะเร็งตับได้ 43%
จากการสำรวจประขากรสตรี
1200 คนที่รับประทานวิตามินดี 1100 คนลดการเกิดมะเร็ง 60%
สภาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกาวิเคราะห์ข้อมูลผู้คนในกลุ่มประเทศที่
3 จำนวน 16818 คน ไม่พบวิตามินดีมีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิต จากโรคมะเร็ง
แต่พบว่าผู้ที่มีวิตามินดีในเลือด 80 นาโนโมลต่อลิตร
ลดการเสี่ยงต่อมะเล็งลำไส้ 72% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่มีวิตามินดีในเลือด
50 นาโนโมลต่อลิตร
การศึกษาเชิงระบาดวิทยาจาก
35 งานวิจัยพบว่า กลุ่มที่มีระดับวิตามินดีในเลือดสูงกว่า
10 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ลดโอกาสเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้
15% และมะเร็งเต้านม 11% แม้ว่าจะไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
การขาดวิตามินดีจะยับยั้งการหลั่งอินซูลิน
จึงเพิ่มการเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน
ข้อควรระวัง
การได้รับวิตามินดีมากเกินไปจะทำงานตรงกันข้ามกับหน้าที่ของวิตามินดี
คือ จะดึงแคลเซียมออกจากกระดูกไปพอกที่ผนังหลอดเลือด หัวใจ ปอดและไต
วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน
หากรับประทานมากเกินไป และรับประทานติดต่อกันจะสะสมที่ตับ ทำให้เกิดพิษได้
วิตามินดีเป็นสารประเภทคอเลสเตอรอล
หากรับประทานมากเกินไป จะทำให้คอเลสเตอรอลสูง จนเกิดโทษได้
การได้รับวิตามินดีมากกว่า
5 เท่าของปริมาณที่กำหนดจะเกิดพิษคลื่นไส้ ปวดศีรษะ
ท้องเสีย
หากสตรีมีครรภ์ได้รับวิตามินดีมากเกินไป
จะทำให้ทารกมีความผิดปกติในระบบหลอดเลือดและปัญญาอ่อนได้
No comments:
Post a Comment